ล่าสุดเราพบว่า ในกรรมาธิการการเมืองฯ ของวุฒิสภา ติดตามคดีหุ้นของนายพิธา โดยตั้งทีมทำงานเก็บข้อมูล รวมถึงมีการพูดถึงข้อสังเกตและข้อกฎหมายเรื่องการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ สถานะส.ส.ของนายพิธา ด้วย

เอกสารบันทึกการประชุม กมธ.การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ครั้งที่ 10/2566 เมื่อวันอังคารที่ 30 พฤษภาคม 2566

ในวาระ 3 เรื่องสืบเนื่อง ช่วงหนึ่ง มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการฯ

โดยในวาระ 3.1.3 พูดถึงเรื่อง คณะทำงานรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง และ จัดทำความเห็นทางกฎหมายกรณีการกระทำที่อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งมีรายละเอียด 4 ประเด็น 1 ในนั้น คือ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

โดยเนื้อหาบอกว่า “นายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทประกอบกิจการสื่อมวลชนโดยสถานะนิติบุคคลของบริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ อาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตาม ม.42(3) ”

จากนั้นมีข้อความระบุช่วงท้าย ว่า ประธานคณะกรรมาธิการ ซึ่งในที่นี้ หมายถึง นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นประธานกมธ.ชุดนี้ มีความเห็นว่า เรื่องดังกล่าวมีความสำคัญต่อสถานาการณ์การเมือง จึงเห็นควรให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ และควรมีการหาข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติม กรณี นายพิธา เป็นผู้จัดการมรดก แม้ว่าระยะเวลาจะล่วงเลยมาเกิน 10 ปี แต่อาจมีข้อมูลที่จัดเก็บไว้

ส่วนในวาระ 4 ก็มีเรื่องที่เกี่ยวกับนายพิธา และ หุ้นไอทีวี โดยเป็นวาระเรื่องเสนอเพื่อพิจารณา ข้อ 2 ระบุถึง “การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี”

เนื้อหาคือ การระบุว่า พรรคก้าวไกลเสนอนายพิธา เป็นผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มีผู้ร้องต่อกกต.ให้ตรวจสอบนายพิธา กรณีถือหุ้นไอทีวี ว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่

“จึงอาจส่งผลต่อการพิจารณาของรัฐสภาในการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรเป็นนายกรัฐมนตรี”

ในเอกสารบันทึกการประชุมยังบอกว่า มีข้อพิจารณาที่น่าสนใจ คือ หากมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว นายพิธาจะมีสถานะเป็นส.ส.

นอกจากนี้ ยังมีการให้ความเห็นว่า ตามกฎหมาย ส.ส. หรือ ส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ สามารถเข้าชื่อร้องต่อประธานสภา เพื่อขอให้เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบสถานะการเป็นส.ส.ของนายพิธา โดยตรงได้เลย หรืออาจรอกกต.สืบสวน ไต่สวน ก่อนส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ และ ยังบอกอีกว่า ศาลอาจสั่งให้นายพิธา หยุดปฎิบัติหน้าที่ จนกว่าจะวินิจฉัย หรือหากศาลเห็นว่านายพิธาทำผิดขาดคุณสมบัติก็จะขาดคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ช่วงท้าย มีการระบุว่า “การที่นายพิธา จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา และ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีการถือหุ้นบริษัทไอทีวี”

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ 3 ที่ชี้แจงว่า การพูดคุยเรื่องหุ้นไอทีวี ของกรรมาธิการ เป็นไปเพื่อติดตามสถานการณ์ ดูข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และเร่งรัดไปทาง กกต. ขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อให้ชัดเจนก่อนที่ ส.ว.จะต้องลงคะแนนเสียงโหวตนายกฯ ว่านายพิธามีคุณสมบัติหรือไม่ โดยจากมติที่ประชุมวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือเร่งรัดส่งไปยัง กกต. แล้ว

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกมธ.การเมืองฯ วุฒิสภา เมื่อสัปดาห์ก่อนคือ นายเสรี แจ้งว่า ตอนนี้มีการตั้งคณะทำงานศึกษาเรื่องนี้หุ้นไอทีวี เพื่อเตรียมยื่นเรื่องเร่งรัด กกตคำพูดจาก สล็อต888. ให้ส่งกรณีของนายพิธา ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ก่อนถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

สำหรับกรรมาธิการการเมืองชุดนี้ อย่างที่บอก มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธานกรรมาธิการ มีนายจเด็จ อินสว้าง เป็นรองประธาน คนที่ 1 นายวันชัย เป็นรองประธานคนที่ 2 และ นายดิเรกฤทธิ์ เป็นรองประธานคนที่ 3 และมีนายพลเดช ปิ่นประทีป นายคำนูญ สิทธิสมาน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เป็นต้น

 ส.ว.จับตาคดี "พิธา" หุ้น ITV กระทบโหวตนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ยังพบว่ามี นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ เป็นกรรมาธิการด้วย (แต่ในวันดังกล่าวไม่ได้มาประชุม)

By admin